🌽🌽เตือนภัยการเกษตร🌽🌽 ปลูกข้าวโพดระวังโรคราน้ำค้างระบาด

ในภาพอาจจะมี ต้นพืช และธรรมชาติ

ช่วงนี้ฝนตก เกษตรกรที่ปลูกข้าวโพดในระยะเริ่มปลูกถึงอายุประมาณ ๓๐ วัน ระวังโรคราน้ำค้าง (เชื้อรา Peronosclerospora sorghi) โดยพบจุดเล็กๆ สีเขียวฉ่ำน้ำบนใบอ่อน ต่อมาใบข้าวโพดมีสีเหลืองซีดโดยเฉพาะบริเวณยอด หรือใบลายเป็นทางสีเขียวอ่อนสลับเขียวแก่ ในเวลาเช้าที่มีอากาศค่อนข้างเย็นและความชื้นสูงมักพบส่วนของเชื้อรา ลักษณะเป็นผงสีขาวจำนวนมากด้านใต้ใบ บางครั้งพบยอดข้าวโพดแตกเป็นพุ่ม ต้นแคระแกร็น เตี้ย ข้อถี่ ไม่มีฝัก หรือมีฝักขนาดเล็ก ก้านฝักมีความยาวมาก หรือมีจำนวนฝักมากกว่าปกติ แต่จะไม่สมบูรณ์ เช่น มีเมล็ดจำนวนน้อย หรือไม่มีเมล็ดเลย

วิธีป้องกันกำจัด
๑. ควรใช้พันธุ์ต้านทาน และคลุกเมล็ดพันธุ์ก่อนปลูกด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืช เมทาแลกซิล ๓๕% ดีเอส อัตรา ๗ – ๑o กรัมต่อเมล็ด ๑ กิโลกรัม หรือ เมทาแลกซิล-เอ็ม ๓๕% อีเอส อัตรา ๓.๕ มิลลิลิตรต่อเมล็ด ๑ กิโลกรัม หรือ ไดเมโทมอร์ฟ ๕o% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา ๓o กรัมต่อเมล็ด ๑ กิโลกรัม
๒. ในแหล่งที่เคยมีการระบาดของโรคหากพบว่ามีสภาพแวดล้อมเหมาะสมต่อการเกิดโรค คือ อุณหภูมิต่ำและความชื้นสูง เมื่อข้าวโพดอายุ ๕ ๗ วัน ควรพ่นสารป้องกันกำจัดโรคพืช ไดเมโทมอร์ฟ ๕o% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา ๒o – ๓o กรัมต่อน้ำ ๒o ลิตร หรือ เมทาแลกซิล ๒๕% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา ๓๐ ๔๐ กรัมต่อน้ำ ๒๐ ลิตร ทุก ๗ วัน จำนวน ๓ – ๔ ครั้ง
๓. ถอนต้นที่แสดงอาการของโรคนำไปทำลายนอกแปลงปลูก
๔. พื้นที่ที่มีการระบาดของโรคควรปลูกพืชชนิดอื่นหมุนเวียน

**** สำหรับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ซึ่งมีพื้นที่ปลูกเป็นบริเวณกว้า ง เน้นการป้องกันกำจัดโดยวิธีคลุกเมล็ด เชื้อสาเหตุโรคสามารถเข้าทำลายได้ตั้งแต่ข้าวโพดเริ่มงอก ซึ่งการพ่นสารป้องกันกำจัดโรคพืช หลังจากข้าวโพด อายุ ๒๐ วันขึ้นไป จะไม่สามารถป้องกันกำจัดโรคนี้ได้
ทีีมา: สำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร กรมวิชาการเกษตร

แตนเบียนแมลงดำหนาม เตตระสติคัส … พระเอกในสวนมะพร้าว … แมลงตัวเล็กๆ … ป้องกันกำจัดแมลงดำหนามตัวร้ายในสวนมะพร้าวได้เป็นอย่างดี

ใช้ธรรมชาติควบคุมธรรมชาติ … ผลิตโดยศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชนบ้านประชาราษฎร์ ตำบลนาหูกวาง อำเภอทับสะแก

แจ้งเตือน​❗❗❗ โรคใบขาวในอ้อย ​ 📢📢เฝ้าระวังและจัดการอย่างถูกวิธี✨✨

📣📣 แนะเกษตรกรเตรียมรับมือ “โรคราแป้งในมะม่วง”

ในภาพอาจจะมี ต้นไม้, สถานที่กลางแจ้ง และ ธรรมชาติ

อาการที่ช่อดอก พบเชื้อรามีลักษณะเป็นผงสีขาวคล้ายแป้งขึ้นฟูตามก้านช่อดอก ก้านดอกย่อย และดอก ดอกมีลักษณะช้ำเป็นสีน้ำตาลอ่อน ต่อมาเปลี่ยนเป็นสีดำ แห้งและหลุดร่วง บางครั้งเหลือแต่ก้าน ช่อดอกมีสีเข้มกว่าปกติ ไม่ติดผล หากติดผลจะได้ผลที่มีขนาดเล็ก ไม่สมบูรณ์ และหลุดร่วงง่าย อาการที่ใบ เริ่มแรกเป็นจุดแผลสีค่อนข้างซีดเหลือง พบเชื้อรามีลักษณะเป็นผงสีขาวคล้ายแป้งขึ้นปกคลุมผิวใบ หากอาการรุนแรงแผลจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเทา และใบบิดเบี้ยวผิดรูป

📌📌 วิธีการป้องกันกำจัด

ในช่วงที่มะม่วงแทงช่อดอก และสภาพอากาศเย็น ควรหมั่นตรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ เมื่อพบอาการของโรค พ่นด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืช คาร์เบนดาซิม ๕๐% เอสซี อัตรา ๑๐ มิลลิลิตรต่อน้ำ ๒๐ ลิตร หรือ เบโนมิล ๕๐% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา ๖ – ๑๐ กรัมต่อน้ำ ๒๐ ลิตร หรือ ไตรฟลอกซีสโตรบิน ๕๐% ดับเบิ้ลยูจี อัตรา ๕ กรัมต่อน้ำ ๒๐ ลิตร หรือ ซัลเฟอร์ ๘๐% ดับเบิ้ลยูจี อัตรา ๒๐ กรัมต่อน้ำ ๒๐ ลิตร หรือ ซัลเฟอร์ ๘๐% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา ๒๐ กรัมต่อน้ำ ๒๐ ลิตร ทุก ๗ วัน
**** สารซัลเฟอร์ ไม่ควรพ่นในสภาพอากาศร้อน หรือมีแดดจัด เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการไหม้

++ข้อมูลจาก สำนักงานควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร กรมวิชาการเกษตร++

📢📢📢 ปัญหา​ “ด้วงงวงเจาะเมล็ดมะม่วง” จะหมดไป​ แค่เข้าใจวิธีจัดการ❗❗❗

ข่าวแจ้งเตือนเฝ้าระวังและติดตามสาธารณภัย ประจำวันที่ 13 พฤษภาคม 2562